อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.



 
From: sataya phongsasumitr <satayap@hotmail.com>
Date: ต.ค. 7, 2009 4:53 หลังเที่ยง
Subject: ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.
To: 

 

ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.

 

เครือข่ายภาคประชาสังคมเอเชียแถลงเรียกต้องกลุ่มประเทศร่ำรวย จี 8 แสดงความรับผิดชอบการก่อโลกร้อนด้วยการยอมลงขันอย่างน้อย 1.5 แสนล้านสำหรับกองทุนเพื่อการปรับตัวรับโลกร้อน (Adaptation Fund) ผ่านเวทีเจรจากรุงเทพ ยันข้อมูลศาลประชาชนชี้ชัดการทำผิดของจี 8

          เครือข่ายดังกล่าวได้ส่งตัวแทนแถลงข่าวในตึกยูเอ็นวานนี้ 12.30 น เสนอผลการนำข้อมูลทั้งเชิงพยานและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการศาลประชาชนซึ่งจัดเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาว่า สามารถสรุปความผิดของจี 8 ได้ชัดเจนและให้มีการชดเชยเป็นเม็ดเงินผ่านกลไกการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินของอนุสัญญาโลกร้อน คือกองทุนเพื่อการปรับตัวรับโลกร้อน หรือ Adaptation Fund

          "จำเลยได้ดำเนินการและยังคงดำเนินการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีชีวิตของโจทก์อย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายสิบฉบับ เช่นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อนุสัญญาโลกร้อนยูเอ็น)" อัมรา พงศาพิชญ์หัวหน้าผู้พิพากษาศาลประชาชนกล่าว

          "กลุ่มประเทศจี 8 ต้องจัดตั้งกองทุนปรับตัวรับมือโลกร้อนโดยให้มีความช่วยเหลือด้านการเงินมากเพียงพอที่จะช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือกับปัญหาโลกร้อนได้" ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

          อัยการฝ่ายโจทก์ อันโตนิโอ โอโพซา ทนายคดีสิ่งแวดล้อมจากฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลแม็กไซไซปีนี้ (2552) ให้ความเห็นว่า เขาพอใจกับคำตัดสินที่ออกมาและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามการเจรจาโลกร้อนเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรมและมีผลทางกฎหมายระดับนานาชาติที่โคเปนเฮเกน

          "ศาลประชาชนเอเชียนี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิทางกฎหมายพื้นฐานที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากประเทศที่ก่อปัญหาโลกร้อนจนทำให้ตนเดือดร้อนได้ แม้ว่าการดำเนินการในกรุงเทพครั้งนี้เป็นเพียงการจำลองการพิจารณาคดีโลกร้อน(ที่ไม่มีผลทางกฎหมายจริง) แต่มีนัยสำคัญยิ่งที่จะบอกทุกคนว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำมาเสนอนั้นล้วนเป็นของจริง และมีมูลทางกฎหมายหากเป็นการดำเนินคดีจริง ก็จะเป็นข้อมูลที่มากพอที่จะบ่งชี้ความผิดและปรับได้จริง ทั้งนี้ทั้งหมดที่เราทำไปเพราะต้องการแสดงให้โลกได้เห็นเหตุและผลว่าทำไมเราจึงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศจี 8 ต้องยอมรับและดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกพร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวโลกร้อนฯ เพื่อบรรเทาวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเสียตั้งตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่เรายังคงพอจะบรรเทาวิกฤตปัญหาได้อยู่" โอโพซากล่าว

          "พายุและอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วเอเชียตอนนี้ย้ำเตือนพวกเราถึงภัยคุกคามใหญ่ที่จะมาเยือนภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน วิกฤตโลกร้อนจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง และดังคำพิพากษาของศาลประชาชน กลุ่มประเทศจี 8 ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาก่อ เริ่มที่การเจรจาที่กรุงเทพนี้ ด้วยการวางเงินลงขันทำให้กองทุนเพื่อการปรับตัวฯ ใช้งานได้อย่างที่ควร" นาย Clement Kalonga โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

          "เริ่มด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากนั้นก็การลงขันในกองทุนฯ ซึ่งต้องการมากกว่า 1.5 แสนล้านต่อปีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกปรับตัวรับวิกฤตโลกร้อน ทั้งพายุ อุทกภัย ภัยแล้ง และหายนะภัยอื่น ๆ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

          "แต่สิ่งที่เป็นจริงตอนนี้คือ ประเทศร่ำรวยเหล่านี้นอกจากไม่ยอมรับพันธะกรณีใด ๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหายนะภัยที่ตัวเองก่อ กลับหันมาเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาพยายามลดก๊าซเรือนกระจกอีก นี่ไม่เป็นธรรมเลย และหากการเจรจายังคงเป็นเช่นนี้ตลอดสัปดาห์นี้ นี่จะไม่ต่างกับการก่ออาชญากรรม" โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

 

(ข่าวแถลงฉบับเต็มดูไฟล์แนบครับ ไทย อังกฤษ)

ข่าวแถลง 7 ต.ค. 2552

ศาลประชาชนเอเชียตัดสินคดีโลกร้อน ว่าจี 8 มีมูลความผิดจริงและสมควรต้องจ่ายค่าชดเชย

 

จี 8 ต้องช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือวิกฤตโลกร้อนผ่านกองทุนปรับตัว (Adaptation Fund)

 

กรุงเทพ -- ตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ต้องช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือภาวะเรือนกระจกที่นับวันจะเพิ่มความวิกฤต อย่างตระหนักต่อสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ คณะผู้พิพากษาศาลประชาชนตัดสิน "คดีโลกร้อน" วานนี้ที่กรุงเทพฯ

          คำพิพากษาระบุว่าหลังจากได้พิจารณาหลักฐานและพยานที่นำเสนอในคดีพบว่าข้อกล่าวหาของโจทก์็คือ "เด็กในเอเชีย" ต่อกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จี 8 คดีก่อวิกฤตโลกร้อนจนเกิดความเสียหายต่อโจทก์นั้นมีมูลความจริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากมาตรฐานกฎหมายสากลและอนุสัญญาระดับโลกที่มีอยู่ และจำเลยนั้นควรต้องจ่ายค่าชดเชยต่อความเสียหายดังกล่าวที่ได้สร้างในอดีตที่ผ่านมา

          การพิจารณาคดีโลกร้อนของศาลประชาชนจัดขึ้นที่โรงแรมปริ้นซ์พาเลซเป็นระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงวานนี้ จัดขึ้นโดยโครงการรณรงค์ลดโลกร้อน tcktcktck (ซึ่งเป็นความร่วมมือขององค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลกเพื่อกดดันให้มีรูปธรรมการแก้ปัญหาโลกร้อนที่ชัดเจนและเท่าทันปัญหาในการเจรจาโคเปนเฮเกน) โดยมีหัวหน้าคณะผู้พิพากษาคือ นางอัมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

          "กลุ่มประเทศจี 8 ต้องจัดตั้งกองทุนปรับตัวรับมือโลกร้อนโดยให้มีความช่วยเหลือด้านการเงินมากเพียงพอที่จะช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือกับปัญหาโลกร้อนได้" ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

          "จำเลยได้ดำเนินการและยังคงดำเนินการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีชีวิตของโจทก์อย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายสิบฉบับ เช่นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อนุสัญญาโลกร้อนยูเอ็น)" อัมรา หัวหน้าผู้พิพากษาศาลประชาชนกล่าว

          คำพิพากษาต่อประเทศจี 8 ประกาศในช่วงบ่ายวานนี้หลังจากการให้การของพยานนับสิบที่เข้าไปให้การในห้องพิจารณาคดี ในจำนวนนั้นสองคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ อีกส่วนสำคัญเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อนปัจจุบันจากประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ทั้งบังคลาเทศ ไทย เนปาล ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

          อัยการฝ่ายโจทก์ อันโตนิโอ โอโพซา ทนายคดีสิ่งแวดล้อมจากฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลแม็กไซไซปีนี้ (2552) ให้ความเห็นว่า เขาพอใจกับคำตัดสินที่ออกมาและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามการเจรจาโลกร้อนเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรมและมีผลทางกฎหมายระดับนานาชาติที่โคเปนเฮเกน

          "ศาลประชาชนเอเชียนี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิทางกฎหมายพื้นฐานที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากประเทศที่ก่อปัญหาโลกร้อนจนทำให้ตนเดือดร้อนได้ แม้ว่าการดำเนินการในกรุงเทพครั้งนี้เป็นเพียงการจำลองการพิจารณาคดีโลกร้อน(ที่ไม่มีผลทางกฎหมายจริง) แต่มีนัยสำคัญยิ่งที่จะบอกทุกคนว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำมาเสนอนั้นล้วนเป็นของจริง และมีมูลทางกฎหมายหากเป็นการดำเนินคดีจริง ก็จะเป็นข้อมูลที่มากพอที่จะบ่งชี้ความผิดและปรับได้จริง ทั้งนี้ทั้งหมดที่เราทำไปเพราะต้องการแสดงให้โลกได้เห็นเหตุและผลว่าทำไมเราจึงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศจี 8 ต้องยอมรับและดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกพร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวโลกร้อนฯ เพื่อบรรเทาวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเสียตั้งตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่เรายังคงพอจะบรรเทาวิกฤตปัญหาได้อยู่" โอโพซากล่าว

          การสอบพยานของการพิจารณาคดีวานนี้จากพยานชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนทำให้ผู้ร่วมรับฟังการพิจารณาคดีราว 150 คนในห้องกระจ่างชัดต่อผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะกว่า 200 ปีของประเทศอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ จี 8 ต่อคนในเอเชีย

          "พายุและอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วเอเชียตอนนี้ย้ำเตือนพวกเราถึงภัยคุกคามใหญ่ที่จะมาเยือนภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน วิกฤตโลกร้อนจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง และดังคำพิพากษาของศาลประชาชน กลุ่มประเทศจี 8 ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาก่อ เริ่มที่การเจรจาที่กรุงเทพนี้ ด้วยการวางเงินลงขันทำให้กองทุนเพื่อการปรับตัวฯ ใช้งานได้อย่างที่ควร" นาย Clement Kalonga โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

          "เริ่มด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากนั้นก็การลงขันในกองทุนฯ ซึ่งต้องการมากกว่า 1.5 แสนล้านต่อปีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกปรับตัวรับวิกฤตโลกร้อน ทั้งพายุ อุทกภัย ภัยแล้ง และหายนะภัยอื่น ๆ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

          "แต่สิ่งที่เป็นจริงตอนนี้คือ ประเทศร่ำรวยเหล่านี้นอกจากไม่ยอมรับพันธะกรณีใด ๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหายนะภัยที่ตัวเองก่อ กลับหันมาเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาพยายามลดก๊าซเรือนกระจกอีก นี่ไม่เป็นธรรมเลย และหากการเจรจายังคงเป็นเช่นนี้ตลอดสัปดาห์นี้ นี่จะไม่ต่างกับการก่ออาชญากรรม" โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

 

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการข่าว

 

การพิจารณาคดีของศาลประชาชนดำเนินการโดยแนวร่วมภาคประชาสังคมในเอเชียรวมถึง

§                     Global Coalition for Climate Action (GCCA)

§                     Asia Pacific People's Movement for Debt and Development (APMDD)

ร่วมด้วยองค์กรทั่วเอเชียกว่า 25-30 องค์กร ภายใต้การให้คำปรึกษาของคณะทำงานเพื่อโลกเย็นที่เป็นธรรม หรือ Thai Working Group on Climate Justice และเครือข่ายทนายภายใต้ lawyers' network Global Legal Action on Climate Change (GLACC) และ Aid for Development.

 

แถลงโดย

โครงการรณรงค์นานาชาติเพื่อปฏิบัติการลดโลกร้อน Global Action for Climate Action (GCCA) หรือโครงการ tcktcktck-asia   ที่ ห้องแถลงข่าว UNESCAP 12.30-13.00 น 7 ต.ค. 2552

 

 

---
 
 

News Release – 7 October 2009

 

Asian People's Climate Court finds legal grounds for reparation claims:

 

G8 must help poor countries cope with climate change, set up adaptation fund

 

 


 

Bangkok, THAILAND – Major greenhouse gas emitters must help poor countries cope with climate change while recognizing the human rights and gender aspects of climate change, a panel of judges ruled at the Asian People's Climate Court in Bangkok on Tuesday.

 

The verdict outlined that there is a legal basis for reparation claims on the basis of existing international legal standards and conventions – to make good for damage in developing countries resulting from climate impacts which are triggered by historic emissions from industrialized countries.

 

The Bangkok court room for this two-hour mock-hearing organized by the Tcktcktck campaign was filled to the last chair when presiding judge Amara Pongsapich, Chair of the Thai Human Rights Commission, ruled that G8 countries have to set up a global adaptation fund with sufficient finance for poor nations.

 

"Defendants have threatened and continue to threaten petitioners' right to life and the sources of life, thus committing planetary malpractice resulting in inter-generational damages," said judge Pongsapich. "They have broken about a dozen international agreements, for example by breaching their duty not to cause harm or their obligations under the UN Framework Convention on Climate Change."

 

The ruling against the G8 plaintiffs came after prosecution and defense had interviewed ten witnesses, among them two climate scientists and affected citizens such as Thai and Bangladeshi farmers, a Nepalese mountain climber, a Filipino fisherman and an Indonesian women's advocate.

 

The presidium of judges in this case of the children of Asia and the Pacific versus the G8 also instructed the plaintiffs to initiate a process of setting up an international tribunal on environmental crimes and appoint a special rapporteur on the human rights dimension of climate change. The court concluded, however, that "the duty to protect human rights is the obligation of every state".

 

Chief-Prosecutor Antonio Oposa, a leading environmental lawyer from The Philippines and recipient of the 2009 Ramon Magsaysay Award – the Asian equivalent of the Nobel prize – said he was satisfied with the verdict and urged the G8 countries to follow up on the ruling with agreeing to a fair, ambitious and binding climate treaty at the Copenhagen Summit this December.

 

"The Asian People's Climate Court is an experiment to show that there is a legal basis for developing countries to sue industrialized nations and demand reparation for damages resulting from climate change", said Oposa. "While our mock-trial has shown that the legal grounds exist, we would prefer to see rapid G8 action to reduce emissions and fund adaptation in vulnerable countries, rather than a string of future climate trials about compensation for damage that can still be avoided if we act today."

 

The testimonies by affected witnesses whose lives and livelihoods depend on effective action to tackle climate change as well as measures to adapt to unavoidable impacts had given the court and about 150 people in the audience a clear sense that emissions from industrialized countries over the past 200 years clearly show the culpability of G8 countries for global warming and hardships inflicted on Asia.

 

"The storms and floods across Asia these days remind us of the huge threats people in this region are facing already", said Oxfam climate change spokesperson Clement Kalonga. "Climate change will make things only worse, and as judges at the Asian People's Climate Court found that the G8 are responsible for the problem, we urge them to live up their responsibilities at the UN climate talks in Bangkok and put sufficient finance for adaptation in developing countries on the table.

 

"First and foremost though, developed countries have a responsibility to make much deeper cuts in emissions.  We also need a global climate regime that delivers more than $150bn per year in public finance – over and above existing aid commitments -- to help developing countries cope with floods, droughts, storms and disasters, and cut their future emissions growth," he said.  "But without having committed to anything themselves, rich countries keep pushing developing countries to act. That's not justice, and if they carry on this way this week's hearing shows it could become a crime."



Editor's Notes:

 

§                     The tribunal was organized by civil society groups throughout the region which comprise the Global Coalition for Climate Action (GCCA) and Asia Pacific People's Movement for Debt and Development (APMDD). It is supported by 25-30 organizations throughout South and East Asia, and especially assisted by the Thai Working Group on Climate Justice and the lawyers' network Global Legal Action on Climate Change (GLACC) and Aid for Development.

 

For more information, photos, footage and interview appointments, please contact:

Laurelle Keough on +66 86 530 8394 or laurellek@oxfam.org.au

Uamdao Noikorn on +66 81 855 3196 / unoikorn@oxfam.org.uk

Christian Teriete on +66 805 986 764 / cteriete@wwf.org.hk

 



Windows Live: Make it easier for your friends to see what you're up to on Facebook.

Windows Live: Keep your friends up to date with what you do online.


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น