อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2553

เขื่อน แม่น้ำโขง และอาเสี่ยตัวจริง

เขื่อน แม่น้ำโขง และอาเสี่ยตัวจริง

มีผู้เข้าอ่านหน้านี้แล้ว 31 คน

ปีนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงจนเหือดแห้ง ดูจะหนักหนาสาหัส ลดต่ำที่สุดในรอบ 20 ปีทีเดียว

ดูเหมือนไม่ใช่เฉพาะคนไทยริมฝั่งโขงที่เดือดร้อน คนลาว คนพม่า ไปจนถึงคนกัมพูชาและเวียดนามก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายสายแม่น้ำโขง

แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ  8 ของโลก มีความยาว 4,160 กิโลเมตร  ยาวเป็นอันดับ 10 ของโลก มีปริมาณน้ำถึง   475,000 ล้านลูกบาศก์เมตร

จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องยอมรับว่า แม่น้ำโขงที่เคยลึกท่วมหัวนับสิบเมตร ตอนนี้ปริมาณน้ำลดฮวบฮาบ ทำให้บางช่วงสามารถเดินข้ามไปฝั่งลาวได้ จนกลายเป็นปัญหายาเสพติด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมยาบ้าที่ผู้ค้าแอบเดินข้ามแม่น้ำโขงมาจาก ฝั่งโน้น ได้มากกว่า 3 แสนเม็ด และต้องจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอดลำน้ำ

แล้งจัดกันมาก ๆ เรือที่เคยเดินล่องแม่น้ำโขงก็ต้องหยุดเดินกัน มีเรือสินค้าเกยตื้นกลางแม่น้ำไม่ต่ำกว่า 20 ลำ และเรือโดยสารที่ล่องตามน้ำโขงไปหลวงพระบาง ก็หยุดเดินไม่มีกำหนด ไม่สามารถสัญจรทางน้ำได้อีกต่อไป

สาเหตุสำคัญของปัญหาระดับน้ำที่ลดลงอย่างมากในหน้าแล้งนี้  เป็นเพราะปีนี้ฝนตกทางภาคใต้ของจีนน้อย ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงจึงน้อยกว่าปรกติ และทำให้เขื่อน 8 แห่งที่กั้นแม่น้ำโขงหรือแม่น้ำหลานชาง ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้ปั่นไฟผลิตกระแสไฟฟ้า

น้ำน้อยอยู่แล้ว ยังมาดันเก็บไว้ใช้คนเดียว คนที่อยู่ข้างล่างก็จ๋อยสิครับ

เขื่อนยักษ์ที่กั้นแม่น้ำโขงชื่อ เสี้ยวหวาน เป็นเขื่อนเศรษฐกิจแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าทุกเขื่อนที่สร้างมา สูงถึง 300 เมตร จุน้ำประมาณ 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลิตไฟฟ้าได้ 4,000 เมกกะวัตต์ เขื่อนแห่งนี้ต้องใช้เวลากักเก็บน้ำประมาณ 5 ปี

หมายความว่า น้ำจากต้นแม่น้ำโขงไม่ว่าจะเป็นจากหิมะละลายหรือฝนตกทางตอนเหนือ ก็จะถูกเขื่อนทั้งหลายรุมเก็บน้ำไว้เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า จะปล่อยน้ำลงมาทางตอนล่าง ก็ต้องให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าเป็นอันดับแรก

รัฐบาลจีนทราบดีว่า จะเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวกระโดดทุกปี  ต้องมีแหล่งพลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐาน จึงได้กำหนดให้มณฑลยูนนานเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าสำคัญของประเทศจีนทางตอน ใต้ โดยตั้งเป้าให้ผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนให้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ถึง 100,000 เมกกะวัตต์ ขณะที่โครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าตอนนี้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ไม่ถึง 20,000 เมกกะวัตต์

นั่นหมายความว่า คนสองฟากฝั่งแม่น้ำโขงคงต้องทำใจไปชั่วนิรันดร แม่น้ำโขงคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าในอนาคตคงเกิดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด ปัญหาระดับแม่น้ำโขงลดลงมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ

คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือเอ็มอาร์ซี ยอมรับว่า ปริมาณน้ำโขงทำร้ายคนสองฝั่งหลายล้านคนแน่นอน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และยังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการใดๆจากรัฐบาลไทย จึงไม่สามารถไปเจรจากับทางการจีนในประเด็นดังกล่าวได้

แน่นอนว่า รัฐบาลไทยคงจะต้องเกรงใจจีนเป็นพิเศษ ในฐานะอาเสี่ยตัวจริง เสียงจริง ที่จะมาแทนที่สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นในไม่นาน

ขนาดเศรษฐกิจของจีนในปีนี้คาดว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับสองของโลก แซงหน้าญี่ปุ่น คาดกันว่า ปี 2010 นี้ ขนาดเศรษฐกิจโลกจะมีขนาดรวม 62.48 ล้านล้านดอลลาร์  หรือประมาณ 2,124 ล้านล้านบาท ของสหรัฐอเมริกาจะเท่ากับ 14.704 ล้านล้านดอลลาร์  จีนจะตามมาเป็นที่สอง ขนาด 5.263 ล้านล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่นตกลงไปอยู่ที่สาม มีขนาดเศรษฐกิจ 5.187 ล้านล้านดอลลาร์

เมื่อมังกรผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกแล้ว กระทรวงต่างประเทศไทยจึงรีบปฏิเสธวีซ่าเดินทางของน้องสาว องค์ดาไล ลามะ ที่จะมาเข้าร่วมการแสดงทางวัฒนธรรมของธิเบตในกรุงเทพมหานคร ไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วงเรียกร้องเอกราชของธิเบตเลย โดยกระทรวงต่างประเทศแถลงอย่างชัดเจนว่าเพราะไม่ต้องการให้จีนไม่พอใจ

ทั้ง ๆ ที่จีนยังไม่ทันเอ่ยปาก แสดงความไม่สบายใจแต่ประการใด กระทรวงต่างประเทศของเราก็ออกอาการก่อน เอาใจจีนจนลืมศักดิ์ศรีของประเทศตัวเอง

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า พอมีข่าวเรื่องน้ำแม่น้ำโขงแห้งลง บรรดาข้าราชการระดับอธิบดี ที่เกี่ยวข้องก็ลงพื้นที่ แต่แทนที่จะออกมาหาทางแก้ปัญหาน้ำที่ลดลงหรือช่วยเหลือชาวบ้าน  แต่กลับออกมาแก้ตัวแทนรัฐบาลจีน พร้อมกับฟันธงสรุปว่า เขื่อนไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้ระดับน้ำลดลง

ดูเหมือนทางการไทยจะเกรงใจรัฐบาลจีน กลัวจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์จนมากเกินไป และปล่อยให้ชะตากรรมของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านหกประเทศ  อยู่ภายใต้การกดปุ่มปิดเปิดประตูน้ำจากบริษัทพลังงานไฟฟ้าของจีนฝ่ายเดียว ที่กำลังจะเอาแม่น้ำโขง เป็น แม่น้ำส่วนตัว ในฐานะผู้ประมูลโครงการสร้างเขื่อนถึง 8 เขื่อนด้วยกันในแม่น้ำโขง

จะปล่อยให้อาเสี่ยทำตามอำเภอใจไปเรื่อย ๆ หรือถึงเวลาที่บรรดาลูกแม่น้ำโขงต้องเอาคืนกันบ้างแล้ว

ล่าสุดดร.ฮันซ์ จาราส นักกฎหมายสิ่งแวดล้อมของเยอรมนี ได้ให้ความเห็นถึงแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในการใช้น้ำของกลุ่มประเทศลุ่ม น้ำโขงว่า  ทางรัฐบาลไทย พม่า ลาว ควรจะเร่งเจรจากับจีน หากไม่สำเร็จ อาจจะใช้ช่องทางกฎหมายระหว่างประเทศยื่นฟ้องต่อศาลโลกให้พิจารณาเพื่อหา ทางออก เพราะที่ผ่านมาเคยมีกรณีประเทศฮังการีและสโลวะเกียเคยมีปัญหาการใช้แม่น้ำ ร่วมกัน  เนื่องจากประเทศหนึ่งมีการสร้างเขื่อนไปกั้นลำน้ำ อีกประเทศไม่มีน้ำใช้ เมื่อเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก สามารถทำให้เกิดการไกล่เกลี่ยและแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ในที่สุด

ศาลโลกดูจะเป็นความหวังมากกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลไทยกล้าไหมครับ

มติชน  7 มกราคม 2553

http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=596



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
chun
http://tham-manamai.blogspot.com /sundara        
http://dbd-52hi5com.blogspot.com/ dbd_52
http://thammanamai.blogspot.com/ อายุวัฒนา
http://sunsangfun.blogspot.com/ suntu
http://originality9.blogspot.com/ originality
http://wisdom1951.blogspot.com/ wisdom

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น