อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประชาไท | Prachatai.com



 
From: ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ <service@prachatai.com>
Date: ต.ค. 12, 2009 5:09 ก่อนเที่ยง
Subject: ประชาไท | Prachatai.com
To: 

ประชาไท | Prachatai.com

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

“เสื้อยืดเปลี่ยนโลก” อหังกาของคนตัวเล็กๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลง

Posted: 11 Oct 2009 01:53 PM PDT

“ถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่การเชื่อว่าเราเปลี่ยนโลกได้ มันก็ไม่คิด มันก็รอ เราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าเราเชื่อ พลังของแต่ละคนที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มันจะทำให้เราคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ เยอะแยะมากมายที่จะทำอะไรเพื่อการเปลี่ยนแปลงคนละนิดคนละหน่อย”

read more

รายงานเสวนา: บทบาทสื่อภาคประชาชนในสถานการณ์ขัดแย้ง

Posted: 11 Oct 2009 01:01 PM PDT

จอนชี้ประชาธิปไตยสื่อยังไม่เกิด บก.สารคดี ระบุสื่อต้องรายงานรอบด้าน ไม่เป็นชาล้นแก้ว บก.ประชาไทชี้สื่อต้องตั้งคำถามทวนกระแส ไม่ใช้ศีลธรรมปิดปากคนอื่น นักข่าวพลเมืองพ้อในฐานะคู่ขัดแย้งจะเสนอข่าวเป็นกลางได้อย่างไร หน.โต๊ะข่าวพลเมืองเน้นนักข่าวพลเมืองทำงานร่วมสื่อหลัก-ขับเคลื่อนในพื้นที่

read more

แรงงานสิ่งทอกัมพูชาระส่ำ หลังโรงงานทยอยปิดหนีวิกฤตเศรษฐกิจ

Posted: 11 Oct 2009 11:38 AM PDT

แรงงานภาคสิ่งทอในประเทศกัมพูชากำลังเผชิญวิกฤตหนัก เมื่อโรงงานทยอยปิดตัวลงรวมถึงนายจ้างปิดงานและบางโรงงานต่อรองลดค่าแรงของคนงานเพื่อให้มีงานทำต่อ ในช่วงเวลา 9 เดือนแรกของปี โรงงานเย็บผ้า 77 แห่งได้ปิดลง ทำให้คนว่างงาน 30,683 คน ในขณะที่มีโรงงานเย็บผ้าอีก 53 แห่งทำการปิดงานชั่วคราวส่งผลให้แรงงานอีก 30,617 คนไม่มีงานทำในช่วงนี้

read more

องค์กรสิทธิร้อง “มาร์ค” สอบการพิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่าหวั่นเอาเปรียบ-ค้ามนุษย์

Posted: 11 Oct 2009 04:45 AM PDT

องค์กรด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชนยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้ตรวจสอบกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานข้ามชาติชาวพม่าที่ทำงานในประเทศไทย หวั่นแรงงานอาจถูกแสวงประโยชน์-ค้ามนุษย์-ถูกรัฐบาลพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เสนอให้รัฐบาลผลักดันรัฐบาลทหารพม่าให้มีการพิสูจน์สัญชาติในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของแรงงานข้ามชาติ

read more

การประเมินเพื่อการเวนคืนที่ดินแก่ยายไฮ ขันจันทา

Posted: 11 Oct 2009 04:39 AM PDT

ดร.โสภณ พรโชคชัย

“ดร.โสภณ พรโชคชัย” นำเสนอเรื่องราวการประเมินค่าทรัพย์สินของยายไฮ ขันจันทาและคณะ โดยมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ซึ่งได้เคยประเมินค่าทดแทนกรณีนี้ไว้ เมื่อปี 2549

read more

“เสื้อแดง” ชุมนุม 11 ตุลา ทวงคืน “รัฐธรรมนูญ 40” ประกาศล่า 1 ล้านชื่อถอดถอนนายกฯ

Posted: 11 Oct 2009 04:34 AM PDT

"คนเสื้อแดง" ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทวงคืน “รัฐธรรมนูญ 40” “จตุพร” ประกาศเตรียมล่า 1 ล้านชื่อ ภายใน 1 เดือน ถอดถอน “อภิสิทธิ์” พร้อมเผยกิจกรรมเดือนตุลา ทวงถามฎีกา-อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา-รำลึกถึงลุงนวมทอง

read more

สมัชชาคนจน: NGO ไร้เดียงสาทางการเมือง?

Posted: 11 Oct 2009 01:09 AM PDT

 
สุรีย์ มิ่งวรรณลักษณ์

เราไม่ควรดูถูกพี่น้องชาวบ้านสมัชชาคนจน ผู้ต้องการแก้ไขปัญหาของเขา แต่เราก็ควรตั้งคำถามกับคณะเสนาธิการ หรือ NGO ผู้วางแผน และนำพาให้พี่น้องสมัชชาคนจนกระทำการให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ได้สร้างภาพในภาวะที่ตนเองกำลังถูกผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศออกมาขับไล่ ทำไม NGO ของสมัชชาคนจน จึงไม่สนใจกับเรื่องราวแบบนี้

read more

You are subscribed to email updates from ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
To stop receiving these emails, you may unsubscribe now.
Email delivery powered by Google
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
news
http://net209.blogspot.com/ net9
http://parent-youth.blogspot.com/ parent-youth.net
http://holistic1951.blogspot.com/ holistic
http://parent-net.blogspot.com/ parent
http://netnine.blogspot.com/  science
http://newsacademic.blogspot.com/ newsacademic
http://pwdinth.blogspot.com/
http://senatelibrary.wordpress.com/about
http://gotoknow.org/blog/cemu/295924

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โนเบลสันติภาพก็ช่วยไม่ได้ เจรจาโลกร้อนที่กรุงเทพฯ ล้มเหลวเหมือนทุกครั้ง

โนเบลสันติภาพก็ช่วยไม่ได้ เจรจาโลกร้อนที่กรุงเทพฯ ล้มเหลวเหมือนทุกครั้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2552 00:21 น.

บารัค โอบามา (ขวา) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จับมือกับ หู จิ่น เทา ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างการประชุมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดโอบามาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ "จากความพยายามทางการทูตอันยอดเยี่ยมของเขาเพื่มเสริมสร้างการทูตและความ ร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึงวิสัยทัศน์ในการทำงานของเขาเพื่อทำให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ แก้ปัญหาโลกร้อน ตลอดจนส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" (เอเอฟพี)
อีโว เดอ โบร์ (เอเอฟพี)

ชาวนาใน ต.ต้าผามอก อ.ลอง จ.แพร่ ทำนาอย่างขะมักเขม้น แต่ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนกำลังคุกคามผลผลิตทางการเกษตรมากขึ้นทุกขณะ (เอพี)

โรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่มากมายในประเทศจีน เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกให้ชั้นบรรยากาศของโลก (เอเอฟพี)


แม้ "บารัค โอบามา" ได้ให้ความหวังชาวโลกร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน แต่โนเบลสันติภาพของเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะการประชุมเจรจาโลกร้อนที่กรุงเทพฯ ล้มเหลวตามคาด ชาติร่ำรวยมีเพียงแค่นอร์เวย์ ที่ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายใน 10 ปี ฟากสหรัฐฯ ยังทำเฉย แต่บอกยากเห็น "จีน-อินเดีย-บราซิล" แสดงความผิดชอบต่อปัญหา ส่วนกลุ่มประเทศกำลังหมื่นล้านเหรียญ
       
       การเจรจาว่าด้วยโลกร้อน ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 9 ต.ค.52 หลังจากตัวแทนจาก 192 ประเทศ เข้าร่วมการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนยาวนานถึง 16 วัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ก่อนที่จะไปประชุมเจรจาเพื่อหาข้อสรุปครั้งสุดท้ายในเดือน ธ.ค. นี้ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
       
       ผล ของการประชุมเจรจาครั้งนี้เป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ที่คาดคะเนกันล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มต้นการประชุมแล้วว่าไม่น่าจะได้ข้อสรุป เหมือนเช่นการประชุมครั้งก่อนๆ โดยเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ก่อนหน้าปิดการประชุมเพียงหนึ่งวัน อีโว เดอ โบร์ (Yvo De Boer) ประธาน UNFCCC กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า แทนที่จะร่วมมือกันจัดการกับปัญหาอันน่าวิตกกังวล แต่กลับเกิดความล้มเหลว
       
       เนื่องจากประเทศร่ำรวยเห็นพ้องกันว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต้องใช้ความพยายามอย่างสูง และต้องให้เงินทุนสนับสนุนประเทศยากจนในการแก้ปัญหาภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง จำนวนหลายหมื่นล้านบาท ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจต่อกันของทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น
       
       "สภาพความเป็นจริงที่สุดคือ หากเราไม่เห็นความก้าวหน้าของประเด็นสำคัญทางการเมือง มันก็ยากมากที่ผู้เจรจาจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในหน้าที่ด้วยศรัทธาที่ดี" โบร์ กล่าว
       
       ขณะที่เอเอฟพีระบุคำให้สัมภาษณ์ของโบร์ว่า เมื่อเสร็จสิ้นการเจรจาแล้ว หาก เรายังไม่เห็นเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศร่ำรวย และยังไม่มีนัยของการสนับสนุนทางการเงิน ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยความล้มเหลว
       
       ด้านไมเคิล กัตยาร์ (Michael Cutajar) ประธานร่วม UNFCCC ว่า ในความรู้สึกของเขาเหมือนว่าลูกบอลอยู่ในสนามของประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อทำให้มันชัดเจนขึ้นกว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
       
       ทางด้านโจนาธาน เปอร์ชิง (Jonathan Pershing) ผู้แทนเจรจาจากสหรัฐฯ บอกว่าเขาคิดว่าลูกบอลอยู่ในสนามของทุกประเทศ ซึ่ง เขาย้ำว่าความปารถนาหลักจากประเทศร่ำรวย คืออยากเห็นยักษ์ใหญ่อย่างจีน อินเดีย และบราซิล มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน
       

       อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยปฏิเสธการมีส่วนร่วมรับผิดชอบแก้ปัญหาภูมิอากาศตามข้อตกลงในพิธีสารเกีย วโต เนื่องจากบางประเทศ อย่างจีนและอินเดีย ได้รับการยกเว้นให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย
       
       ส่วนมาร์ติน คอร์ (Martin Khor) ผู้อำนวยการเซาท์เซ็นเตอร์ (South Center) นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ มีความเห็นว่า หากไม่มีการแก้ไขการแบ่งสรรปันส่วนความรับผิดชอบ สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการประชุมที่โคเปนเฮเกนจะไม่สดใสอย่างแน่นอน ทั้งในด้านความพยายามแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสมอภาคทางสังคม
       
       นอกจากนั้น องค์กรทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ (World Wildlife Fund: WWF) และกรีนพีซ (Greenpesce) ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และแคนาดา ถึงความล้มเหลวในการยินยอมเป็นส่วนสำคัญในข้อตกลงใหม่ของการแก้ปัญหาสภาพ ภูมิอากาศ
       
       "เราไม่สามารถปล่อยเวลาให้เสียไปโดยขาดอำนาจทางการเมืองอีกแล้ว ความ กังวลของพวกเราคือการปราศจากความชัดเจนทางการเมืองจากตัวการหลักที่ก่อปัญหา เช่น เงินทุน และเป้าหมายของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งการประชุมครั้งถัดไปที่จะเกิดขึ้นในบาร์เซโลนาก็จะเป็นการเจรจาอีกครั้ง ที่ปราศจากความก้าวหน้าทางการเมืองอย่างที่เราต้องการ" คิม คาร์สเทนเซน จาก WWF กล่าว
       
       ด้านแอนโตนิโอ ฮิล (Antonio Hill) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านภูมิอากาศของออกซแฟม (Oxfam) กล่าวว่า การขาดนโยบายทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องมักจะมาจากผู้นำของประเทศร่ำรวย ซึ่งหมายความว่าประเทศเหล่านั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆต่อเป้าหมายการลดก๊าซ เรือนกระจกที่สามารถช่วยปกป้องประชากรที่ยากจนที่สุดของโลกได้
       
       "ผู้คนจำนวนหลายล้านกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง เพาะปลูกไม่ได้ผลผลิต ต่อจากนั้นผู้สูญเสียที่แท้จริงจะเป็นสหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย หากยังเป็นผู้ถ่วงการเจรจาอยู่อย่างนี้เรื่อยไป" ฮิล กล่าวแสดงความเห็น
       
       อย่างไรก็ดี ใน จำนวนกลุ่มประเทศร่ำรวย มีเพียงนอร์เวย์ประเทศเดียวที่ประกาศชัดเจน ในเวทีการประชุมเจรจาว่าด้วยโลกร้อนที่กรุงเทพฯ ว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40% ภายในปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความรับผิดชอบที่มีอยู่เดิมคือ 30%
       
       ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการลดก๊าซเรือนกระจกในอัตราส่วนที่ต้องรับผิดชอบ แต่ปฏิเสธการรวมเป้าหมาย และอยากเห็นประเทศอุตสาหกรรมแสดงความพยายมลดก๊าซเรือนกระจกมากกว่านี้
       
       อีกทั้ง กลุ่ม ประเทศกำลังพัฒนาจะไม่ยินยอมลงนามในข้อตกลงใดๆ จนกว่าประเทศอุตสาหกรรมจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้การช่วยเหลือทางการเงินเป็น จำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 340,000 ล้านบาท)
       
       ทั้งนี้ UNFCCC จะจัดการประชุมเจรจาว่าด้วยโลกร้อนขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ย. ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ก่อนที่จะประชุมใหญ่ในช่วงสิ้นปี เพื่อหาข้อสรุปของการเจรจาเพื่อจัดทำข้อตกลงในการลดก๊าซเรือนกระจกหลังปี 2555 ที่พิธีสารเกียวโตได้หมดอายุลงแล้ว.
 

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ข่าวโลกร้อน 9 ต.ค. (วันปิด)



 
From: sataya phongsasumitr <satayap@hotmail.com>
Date: ต.ค. 9, 2009 7:37 หลังเที่ยง
Subject: ข่าวโลกร้อน 9 ต.ค. (วันปิด)
To: 

ข่าวโลกร้อน 9 ต.ค. 2552 (วันปิดการเจรจา)

 

เวทีเจรจาโลกร้อนกรุงเทพปิดฉากอย่างเลื่อนลอย ท่ามกลางเสียงประณามข้างเวที ขณะที่ UNFCCC สรุป เป็นการก่ออิฐฉาบปูนไว้ให้ข้อตกลงโคเปนเฮเกน แต่ยอมรับสาระสำคัญการเจรจาไม่คืบ ความเห็นขัดแย้งคงอยู่ อียูยันหนุนพิธีสารเกียวโตต่อแต่ขอให้สหรัฐเข้าร่วมด้วย ด้านเอ็นจีโอรุมประนามสหรัฐตัวการใหญ่ขัดขวางกระบวนการเจรจา

                วันนี้ เวทีเจรจาโลกร้อนวันสุดท้ายเป็นวันแห่งการ (พยายาม) สรุปของทุกฝ่าย ทั้งเจ้าของเวทีอย่าง UNFCCC มุ้งใหญ่อย่าง อียู สหรัฐ อินเดีย และกลุ่ม จี 77+จีน หรือมุ้งเล็กอย่างเอ็นจีโอค่ายต่าง ๆ  นำโดยเจ้าประจำที่ติดตามการเจรจาอย่าง CAN (Climate Action Network) Third World Network (TWN) หรือรายองค์กรอย่าง WWF กรีนพีซซึ่งได้ร่วมกันผลักข้อตกลงโคเปนเฮเกนในนาม Global Campaign for Climate Action (GCCA)

                นายโว เดอ บัว (Yvo de Boer) เลขาธิการการเจรจาโลกร้อนยูเอ็น  UNFCCC Executive Secretary กล่าวว่าผลที่ได้จากการเจรจาที่กรุงเทพเป็นเสมือนการก่ออิฐโบกปูนสำหรับข้อตกลงโคเปนเฮเกนที่จะมีในเดือนธันวาคมนี้ แต่ยอมรับว่ายังคงไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็นสำคัญที่ยังคงมีความเห็นขัดแย้งกันระหว่างภาคีสมาชิกอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับการบังคับใช้ในทางปฏิบัติ

        เจตนาเบื้องต้นสำหรับการเจรจากรุงเทพฯ ที่ออกแบบคือเพื่อให้การดำเนินการเรื่องโลกร้อนทำได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญคงอยู่ ธันวาคมนี้ ทุกคนบนโลกจะได้รับทราบพร้อม กันอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลพวกเขาจะทำอะไรเพื่อป้องกันมหันตภัยโลกร้อน มันเป็นเวลาที่เราต้องถอยออกจากผลกระโยชน์ส่วนตัวและหันมามองประโยชน์ส่วนรวมเป็นธงนำนายเดอบัวกล่าวในการแถลงข่าววันนี้

        เวทีเจรจาทำให้เกิดความก้าวหน้าในประเด็นการปรับตัวรับมือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเสริมสร้างศักยภาพ รวมถึงสามารถตกลงกันได้ในประเด็นเชิงเทคนิคเรื่องการจัดการป่าไม้ และการใช้ที่ดินเพื่อบรรเทาวิกฤตโลกร้อน รวมถึงวิธีการประเมินศัยกภาพของก๊าซเรือนกระจกตัวใหม่ และหาทางเลือกที่จะทำให้กลไกซีดีเอ็มของพิธีสารเกียวโตใช้การได้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

        มีความก้าวหน้าเล็กน้อยเท่านั้นในประเด็นการตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศอุตสาหกรรมในระยะกลาง เช่นเดียวกับเรื่องกลไกการเงินที่ประเทศกำลังพัฒนาเรียกร้องให้มีเพื่อช่วยในการลดก๊าซฯ และปรับตัว

        ตัวอย่างที่ดีเรื่องนี้คือ นอร์เวย์ที่วันนี้ประกาศเป้าการลดก๊าซในประเทศอย่างต่ำ 40 เปอร์เซ็น(ของระดับการปล่อยปี 1990)”นายเดอบัวกล่าว

        ขณะที่ประชาคมยุโรปออกแถลงการณ์บอกว่าการประชุมที่กรุงเทพได้ทำให้การเจรจาโลกร้อนมีความก้าวหน้าขึ้น ระดับหนึ่ง คือการทำให้ร่างเจรจาลดจำนวนหน้าลงและทำให้ลำดับขั้นตอนการเจรจาชัดเจนขึ้น

                อียูหวังที่จะได้ข้อตกลงที่โคเปนเฮเกนซึ่งพัฒนาจากรากฐานพิธีสารเกียวโตที่มีอยู่ แต่เข้าร่วม (ให้สัตยาบัน) โดยสมาชิกอนุสัญญา(ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ทั้งหมด รวมถึงสหรัฐด้วย นายแอนเดอร์ส ตูเรซซอน (Anders Turesson) หัวหน้าทีมเจรจาสวีเดนกล่าวในนามกลุ่มอียู

        อนุสัญญาฯโลกร้อนมีภาคีสมาชิกที่ให้สัตยาบัน 192 ประเทศในปัจจุบัน ขณะที่สมาชิกที่ให้สัตยาบันพิธีสารเกียวโตมี 184 ประเทศ ในจำนวนนี้มี 37 ประเทศที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ซึ่งต้องมีพันธะกรณีต้องลดการปล่อยก๊าซ    

                ด้านสหรัฐฯ ซึ่งถูกโจมตีจากกลุ่มเอ็นจีโอ ภาคประชาชนและกลุ่มจี 77 แถลงในวันปิดเวทีกรุงเทพเพียงอธิบายว่าขณะนี้สหรัฐได้ดำเนินการภายในประเทศ มีการออกกฎหมายภายในว่าด้วยการดำเนินการลดโลกร้อน และกำหนดเป้าหมายที่จะลดให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2050 แต่สำหรับความเห็นต่อพันธะสัญญาต่อประชาคมโลกนั้น ยังคงไม่มีพันธะกรณี ในส่วนนี้

                ด้านกลุ่มจี 77 + จีนระบุว่าการเจรจาว่าด้วยตัวเลขการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามพิธีสารเกียวโตระยะ 2 หลังปี 2012 นั้นดำเนินไป ช้ามาก และ ไม่คืบ ในขณะที่ระยะเวลาการเจรจางวดลงทุกที ๆ ก่อนถึงเวทีโคเปนเฮเกน

                มีสัญญาณชัดเจนว่าประเทศพัฒนาแล้วภายใต้พิธีสารเกียวโตไม่ต้องการใช้พิธีสารเกียวโตต่อในระยะสอง และพยายามเสนอร่างข้อตกลงใหม่แทน (ซึ่งจะทำให้ต้องกลับไปเริ่มต้นเจรจาตั้งแต่เริ่มใหม่) ส่วนหนึ่งของคำแถลงกลุ่มจี 77+จีน

                ด้านเครือข่ายเอ็นจีโอและภาคประชาชนนอกห้องเจรจาได้ออกแถลงการณ์ทั้งรายกลุ่ม รายองค์กรตลอดวันสุดท้ายของเวทีเจรจา

                เวทีกรุงเทพ ไม่เพียงไม่สร้างความคืบหน้าให้กับกระบวนการเจรจาเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงโคเปนเฮเกน แต่กลับทำให้กระบวนการถอยหลังกลับไปอีก มาร์ติน กอร์ ผู้อำนวยการบริการของ South Center กล่าว

                ตัวขัดขวางใหญ่ที่สุดของความสำเร็จการเจรจาที่ทุกคนรอคอยคือ สหรัฐ ตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด นอกจากไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดที่ตัวเองก่อตั้งแต่อดีตแล้ว ยังพยายามผลักดันให้การเจรจาถอยหลังไปอีก นิโคลา บัลลาร์ด จากกลุ่ม Focus on the Global South กล่าว

                สิ่งที่สหรัฐทำจะส่งผลกระทบต่อชีวิตคนหลายพันล้านและคนรุ่นต่อไปมหาศาล ไดน่า เฟนเตสฟิน่าจาก GCCA กล่าว

                กิ่งกร นรินทรกุลกล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการวางกระบวนการที่ประชุมกรุงเทพให้ออกมาในลักษณะอย่างนี้ด้วย ทำให้ความหวังโคเปนเฮเกนริบหรี่ไปอีก

                เป็นการจงใจให้เกิดผลแบบนี้ จงใจสร้างความยืดเยื้อและเอากระบวนการ non-paper มาไว้ตอนท้ายให้สรุปไม่ได้ หากแนวโน้มเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้สูงมากว่าเราจะไม่ได้อะไรนักจากโคเปนเฮเกนอย่างที่คาดหวังกัน โลกมีโอกาสสูงที่จะอยู่ในระยะสูญญากาศ แม้ไม่อยากเชื่อ แต่เป็นไปได้ว่าอีก 10 ปี 20 ปีจากนี้เราอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ว่าจะลดก๊าซกันกี่เปอร์เซ็นต์อย่างมีพันธะสัญญา กิ่งกรกล่าว

        หลังการเจรจากรุงเทพจะตามด้วยการเจรจาห้าวันที่บาร์เซโลน่า (2-6 ..2552) ก่อนการเจรจานัดสำคัญโคเปนเฮเกน (7-18 .. 2552)

 

 


Windows Live: Make it easier for your friends to see what you’re up to on Facebook.

Windows Live: Make it easier for your friends to see what you’re up to on Facebook.


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ด่วน เรื่องทำข่าวโลกร้อนวันนี้ 8 ต.ค.


 
From: sataya phongsasumitr <satayap@hotmail.com>
Date: ต.ค. 8, 2009 10:55 ก่อนเที่ยง
Subject: ด่วน เรื่องทำข่าวโลกร้อนวันนี้ 8 ต.ค.
To: 


ข้อมูลสำหรับพี่ ๆน้อง ๆ ที่จะไปทำข่าวโลกร้อน หรือตามข่าวโลกร้อนที่ยูเอ็นวันนี้
 
ชวนช่วยกันตามประเด็นใหญ่ (ถ้าเป็นจริง ซึ่งเป็นไปได้สูง) "กลุ่มประเทศร่ำรวยนำโดยสหรัฐพยายามล้มพิธีสารเกียวโตผ่านเวทีเจรจากรุงเทพ" อาจเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของเวทีเจรจาโลกร้อนครั้งนี้ คือถ้าเป็นจริงก็อาจมีผลทำให้การเจรจาที่โคเปนเฮเกนในทางแย่สุด ๆ
 
เรื่องของเรื่องคือ ตั้งแต่เย็นวานนี้ การเจรจารายประเด็นของร่างเจรจาเริ่มเข้มข้นขึ้น และก็มีสัญญาณแปลก ๆ ส่งออกมาจากผู้แทนเจรจาฝั่งประเทศร่ำรวย ผ่านเวทีการเจรจาส่วนต่าง ๆ (ห้องที่เจรจาเรื่องลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัว การเงิน และเทคโนโลยี รวมทั้ง share vision) ทำนองว่า เราไม่ได้จะล้มการใช้พิธีสารเกียวโตนะ แต่พยายามหาทางเลือกที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ อะไรทำนองนี้ ซึ่งบรรดาเอ็นจีโอและคนนอกภาครัฐที่เข้าร่วมติดตามที่ยูเอ็นค่อนข้างตีความไปในทางเดียวกันว่า นี่คือการแสดงท่าทีจริง ๆ ของสหรัฐและกลุ่มประเทศร่ำรวยต่ออนาคตพิธีสารเกียวโตที่จะหมดเวลาบังคับใช้ ภาษาชาวบ้านคืออเมริกา (แคนาดา ญี่ปุ่น) พยายามเสนอให้ที่ประชุมยูเอ็นเลิกคุยเรื่องอนาคตพิธีสารเกียวโตซึ่งจะมีผลบังคับให้พวกเขาต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนอย่างมีนัยสำคัญและจะกระทบเศรษฐกิจบ้านเค้าหนัก โดยการเสนอให้หาข้อตกลง (พิธีสาร) ใหม่แทน บรรดาเอ็นจีโอและกลุ่มประเทศพัฒนาไม่เห็นด้วยแน่นอน (น่าจะรวมทั้งไทยที่เพิ่งประกาศหนุนพิธีสารเกียวโตระยะสองเมื่อตอนต้นเวทีเจรจากรุงเทพ)
 
คาดว่าวันนี้ความเคลื่อนไหวภายในยูเอ็นน่าจะคึกคักและตึงเครียดเอาการ สำหรับนักข่าวก็น่าเข้าไปติดตามดูว่าใครจะว่าไง โดยเฉพาะท่าทีผู้เจรจาไทย (เจ้าภาพด้วย)
 
แวะมาแจ้งความเคลื่อนไหวครับ 
 
 



Windows Live: Keep your friends up to date with what you do online.


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

ข่าวโลกร้อนวันนี้ 8 ต.ค.



 
From: sataya phongsasumitr <satayap@hotmail.com>
Date: ต.ค. 8, 2009 6:16 หลังเที่ยง
Subject: ข่าวโลกร้อนวันนี้ 8 ต.ค.
To: 

 

ข่าวโลกร้อน 8 . 2552

 

เวทีเจรจาโลกร้อนร้อนจัด ก่อนปิดฉากพรุ่งนี้ยังคงโดนผู้แทนประเทศพัฒนาแล้วป่วนหนักผ่านการเจรจาเนื้อหาร่างข้อตกลง ซึ่งหลายฝ่ายสรุปตรงกันว่าคือความพยายามล้มโต๊ะข้อเสนอการเจรจาโลกร้อนที่ดำเนินอยู่ ด้านเอ็นจีโอไทยเทศรุมประณาม เรียกร้องพลเมืองสหรัฐกดดันรัฐบาลโอบาม่าหยุดท่าที ตัวป่วน และพิสูจน์นโยบาย “change” ต่อประชาคมโลกในเรื่องโลกร้อน

                นับเป็นช่วงที่บรรยากาศนอกห้องเจรจาโลกร้อนที่ UNESCAP เต็มไปด้วยบรรยากาศการจับกลุ่มถกเถียงพูดคุยค่อนข้างเครียดตามมุมต่าง ๆ ของตึกประชุม และหัวข้อสำคัญร่วมกันของวงคุยทั้งเล็กใหญ่ ทั้งในและนอกห้องเจรจาดูเหมือนจะวนอยู่รอบ ๆ  เรื่องเดียวกันคือ ท่าทีของสหรัฐและประเทศร่ำรวยต่อการเจรจาโลกร้อนในลักษณะที่จะทำให้การเจรจากรุงเทพและต่อไปถึงโคเปนเฮเกนไปไม่ค่อยรอด

                เขาบอกว่าเขาไม่ได้จะล้มพิธีสารเกียวโต แต่พยายามหาทางเลือกที่ทำได้จริงและประณีประนอม แหล่งข่าวน่าเชื่อถือคนหนึ่งกล่าวถึงท่าทีของผู้แทนประเทศแคนาดาในห้องเจรจาห้องหนึ่งในบรรดา 5 ห้องภายใต้การเจรจาในกรอบคณะทำงานด้านระยะยาว (AWG-LCA)

                แหล่งข่าวอธิบายว่าการพยายาม ล้ม เนื้อหาการเจรจาที่ดำเนินอยู่ ทำด้วยการยืนยันจุดยืนของอเมริกาในเวที AWG-LCA ทั้งห้าห้อง ซึ่งเป็นจุดยืนที่อเมริการู้ดีว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนารับไม่ได้แน่นอน เช่นการเสนอให้เปลี่ยนจากภาระการลดโลกร้อนนั้นจากที่เป็นอยู่ภายใต้พิธีสารเกียวโตว่า ร่วมกันรับผิดชอบตามศักยภาพและความรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีต ซึ่งส่งผลให้ภาระหลักของการลดการปล่อยก๊าซเป็นของประเทศพัฒนา ไปเป็นคำกลาง ๆ ว่า ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งมีความหมายว่า ทุกประเทศรวมทั้งประเทศกำลังพัฒนาต้องร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย (ต้องมีการตั้งเป้าลดชัดเจนด้วย) หรือการขอเปลี่ยนจากคำว่า “equity” ซึ่งหมายถึงความเท่าเทียมเป็น ‘equality’ที่หมายถึงเท่ากันในเนื้อหาร่างเจรจา

                ท่าทีเช่นนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่เย็นวานนี้ในห้องเจรจา LCA ทุกห้อง และชัดเจนมากวันนี้ ท่าทีเช่นนี้ดำเนินอยู่ต่อเนื่องและชัดเจนตามลำดับ ทำให้เราเริ่มห่วงว่าแนวโน้มนี้จะนำไปสู่อะไรที่เรากลัว คือพยายามหาร่างเจรจาใหม่แทนที่ร่างข้อตกลงภายใต้พิธีสารเกียวโตที่มีใช้อยู่และพยายามทำให้มันดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้ดีขึ้น มันเหมือนกับการพยายามล้มโต๊ะ แหล่งข่าวกล่าว

                แล้วอย่างบ้านผมจะไปลดจากอะไรล่ะ มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ และไม่ยุติธรรม ผู้แทนชาวซูดานคนหนึ่งให้ความเห็น

                นางสาวกิ่งกร นรินทรกุล ผู้ประสานงานคณะกรรมการเพื่อโลกเย็นที่เป็นธรรมแถลงว่า ท่าทีเช่นนี้ของสหรัฐเป็นรูปธรรมของการแสดงตนเป็น ตัวป่วน ในการเจรจาโลกร้อน เป็นการประกาศว่าสหรัฐเป็นผู้ร้ายตัวจริง “real bad guy” ที่จะทำลายความพยายามแก้ปัญหาโลกร้อนของประชาคมโลก

                เรารู้ว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องการพิธีสารเกียวโต และไม่สามารถทำอะไรได้เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้ให้สัตยาบัน จะมาให้ตอนนี้ก็สายไป ทุกอย่างเลยไปไกลแล้ว ไม่ทัน นี่เข้าใจว่าสถานการณ์บ้านเขานะว่าเป็นอย่างไร สหรัฐกำลังจัดทำกฎหมายในประเทศ เข้าใจ และก็เข้าใจว่ากฎหมายในประเทศของสหรัฐนี่ใหญ่กว่ากฎหมายระหว่างประเทศซึ่งไม่เหมือนบ้านเรา ดังนั้นการจะมาทำอะไรนอกบ้านโดยไม่สนกฎหมายในประเทศนั้นไม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่เข้าใจว่าสหรัฐจะมาป่วนการเจรจาโลกร้อนภายใต้อนุสัญญาฯ โลกร้อนทำไม สหรัฐสามารถทำกฎหมายในประเทศไป พอเสร็จแล้วก็บอกกฎหมายในประเทศเราบอกให้ทำได้แค่นี้ นี่ยังเข้าใจได้ คือต้องปล่อยให้การเจรจามันดำเนินไปอย่างที่มันควรเป็นและเป็นอยู่ซึ่งเป็นความพยายามที่สร้างสรร กิ่งกรอธิบาย

                เราขอประณามท่าทีตัวป่วนเช่นนี้ของสหรัฐ และเรียกร้องให้กลุ่มประเทศยากจนภายใต้ จี 77 ร่วมกันแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีเช่นนี้ของสหรัฐฯ และประกาศการประณามออกมาอย่างชัดเจน นี่เป็นบทบาทที่เหมาะสมของจี 77 ไม่ใช่เวลาที่จะมาแสดงความอึดอัดขึงขังต่อท่าทีดังกล่าวส่วนตัวหรือบ่น  ๆ กัน แต่ต้องผนึกกัน และบอกว่าเราไม่พอใจต่อท่าที่เช่นนี้ กิ่งกร กล่าว

                นี่ไม่ใช่แค่สหรัฐ แต่รวมถึงกลุ่มประเทศร่ำรวยที่สนับสนุนแต่ไม่ได้ประกาศชัดเจนอย่างญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดาและอียูด้วย ที่เกาะหลังสหรัฐอยู่

                สิ่งที่ภาคประชาสังคมและองค์กรประชาชนไทยอยากเห็นในเรื่องการเจรจาโลกร้อนนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องการให้ประเทศพัฒนาแล้วแสดงความรับผิดชอบต่อการก่อโลกร้อนในอดีตที่เราเรียกว่าหนี้นิเวศแล้วยอมรับพันธะกรณีชัดเจนว่าจะชดเชยต่อความผิดดังกล่าวด้วยกองทุนเพื่อการปรับตัว กลไกที่ระบุในพิธีสารเกียวโต กิ่งกรกล่าว

                นายอันโตนีโอ  ฮิลล์ (Antonio Hill, a senior policy advisor of Oxfam International) ที่ปรึกษาด้านนโยบายขององค์กร อ็อกแฟม ที่เข้าร่วมและติดตามการเจรจาฯ กรุงเทพ ใกล้ชิดกล่าวให้ความเห็นว่า แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายต่อท่าทีสหรัฐ แต่เราก็คาดไม่ถึงว่าสหรัฐจะทำให้สถานการณ์ถอยหลังเข้าคลองขนาดนี้

                ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สหรัฐจะทำอย่างนี้ เราไม่ได้หวังเลิศเลอว่าสหรัฐจะปรับเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือในเรื่องโลกร้อน แต่ไม่นึกว่าจะถอยหลังเข้าคลองขนาดนี้ เป็นเรื่องที่รับได้ยากจริง ๆ นายฮิลล์กล่าว

                นางลิดี้ แนคพิล (Lidy Nacpil, coordinator of Jubilee South - Asia Pacific) ผู้ประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน Jubilee South ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคซึ่งทำงานด้านหนี้สินและการพัฒนากล่าวว่า รู้สึกโกรธมากกับท่าทีของสหรัฐและขอเรียกร้องให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ แสดงบทบาทฐานะพลเมืองโลกออกมาในเรื่องนี้ ต่อรัฐบาลโอบาม่า

                ฉันหวังว่าโอบาม่าจะทำให้เราประทับใจมากกว่านี้เสียอีก แม้เขาจะมีนโยบายที่ดีหลายเรื่อง แต่กับเรื่องโลกร้อนมันน่าผิดหวังมาก โดยเฉพาะท่าทีของผู้แทนสหรัฐในเวทีเจรจา AWG-LCA ที่กรุงเทพฯ เราหวังเหลือเกินว่าโอบาม่า จะแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นนโยบาย “change” ในเรื่องโลกร้อนนับจากตอนนี้ ไปจนถึงโคเปนเฮเกน

                ฉันอยากเรียกร้องให้พลเมืองสหรัฐให้ผลักดันรัฐบาลของพวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องและไม่ละอายต่อสามัญสำนึกที่ดีงาม เพราะสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐทำต่อเวทีเจรจานี้จะส่งผลกระทบต่อคนมหาศาล ที่สำคัญเราไม่มีเวลาเหลือพอที่จะลังเลแล้ว ต้องลงมือทำตอนนี้ นางแนคพิลกล่าวที่ UNESCAP

         

หมายเหตุ

1. ผู้แทนเจรจาไทยไม่สามารถให้ความเห็นหรือท่าทีได้ตลอดบ่ายวานนี้

2. พรุ่งนี้เป็นวันปิดการเจรจาโลกร้อนกรุงเทพฯ คาดว่าน่าจะมีข่าวสรุปการประชุม

 


Windows Live: Keep your friends up to date with what you do online.

Keep your friends updated— even when you’re not signed in.


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.



 
From: sataya phongsasumitr <satayap@hotmail.com>
Date: ต.ค. 7, 2009 4:53 หลังเที่ยง
Subject: ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.
To: 

 

ข่าวโลกร้อน 7 ต.ค.

 

เครือข่ายภาคประชาสังคมเอเชียแถลงเรียกต้องกลุ่มประเทศร่ำรวย จี 8 แสดงความรับผิดชอบการก่อโลกร้อนด้วยการยอมลงขันอย่างน้อย 1.5 แสนล้านสำหรับกองทุนเพื่อการปรับตัวรับโลกร้อน (Adaptation Fund) ผ่านเวทีเจรจากรุงเทพ ยันข้อมูลศาลประชาชนชี้ชัดการทำผิดของจี 8

          เครือข่ายดังกล่าวได้ส่งตัวแทนแถลงข่าวในตึกยูเอ็นวานนี้ 12.30 น เสนอผลการนำข้อมูลทั้งเชิงพยานและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการศาลประชาชนซึ่งจัดเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมาว่า สามารถสรุปความผิดของจี 8 ได้ชัดเจนและให้มีการชดเชยเป็นเม็ดเงินผ่านกลไกการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินของอนุสัญญาโลกร้อน คือกองทุนเพื่อการปรับตัวรับโลกร้อน หรือ Adaptation Fund

          "จำเลยได้ดำเนินการและยังคงดำเนินการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีชีวิตของโจทก์อย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายสิบฉบับ เช่นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อนุสัญญาโลกร้อนยูเอ็น)" อัมรา พงศาพิชญ์หัวหน้าผู้พิพากษาศาลประชาชนกล่าว

          "กลุ่มประเทศจี 8 ต้องจัดตั้งกองทุนปรับตัวรับมือโลกร้อนโดยให้มีความช่วยเหลือด้านการเงินมากเพียงพอที่จะช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือกับปัญหาโลกร้อนได้" ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

          อัยการฝ่ายโจทก์ อันโตนิโอ โอโพซา ทนายคดีสิ่งแวดล้อมจากฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลแม็กไซไซปีนี้ (2552) ให้ความเห็นว่า เขาพอใจกับคำตัดสินที่ออกมาและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามการเจรจาโลกร้อนเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรมและมีผลทางกฎหมายระดับนานาชาติที่โคเปนเฮเกน

          "ศาลประชาชนเอเชียนี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิทางกฎหมายพื้นฐานที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากประเทศที่ก่อปัญหาโลกร้อนจนทำให้ตนเดือดร้อนได้ แม้ว่าการดำเนินการในกรุงเทพครั้งนี้เป็นเพียงการจำลองการพิจารณาคดีโลกร้อน(ที่ไม่มีผลทางกฎหมายจริง) แต่มีนัยสำคัญยิ่งที่จะบอกทุกคนว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำมาเสนอนั้นล้วนเป็นของจริง และมีมูลทางกฎหมายหากเป็นการดำเนินคดีจริง ก็จะเป็นข้อมูลที่มากพอที่จะบ่งชี้ความผิดและปรับได้จริง ทั้งนี้ทั้งหมดที่เราทำไปเพราะต้องการแสดงให้โลกได้เห็นเหตุและผลว่าทำไมเราจึงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศจี 8 ต้องยอมรับและดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกพร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวโลกร้อนฯ เพื่อบรรเทาวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเสียตั้งตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่เรายังคงพอจะบรรเทาวิกฤตปัญหาได้อยู่" โอโพซากล่าว

          "พายุและอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วเอเชียตอนนี้ย้ำเตือนพวกเราถึงภัยคุกคามใหญ่ที่จะมาเยือนภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน วิกฤตโลกร้อนจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง และดังคำพิพากษาของศาลประชาชน กลุ่มประเทศจี 8 ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาก่อ เริ่มที่การเจรจาที่กรุงเทพนี้ ด้วยการวางเงินลงขันทำให้กองทุนเพื่อการปรับตัวฯ ใช้งานได้อย่างที่ควร" นาย Clement Kalonga โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

          "เริ่มด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากนั้นก็การลงขันในกองทุนฯ ซึ่งต้องการมากกว่า 1.5 แสนล้านต่อปีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกปรับตัวรับวิกฤตโลกร้อน ทั้งพายุ อุทกภัย ภัยแล้ง และหายนะภัยอื่น ๆ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

          "แต่สิ่งที่เป็นจริงตอนนี้คือ ประเทศร่ำรวยเหล่านี้นอกจากไม่ยอมรับพันธะกรณีใด ๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหายนะภัยที่ตัวเองก่อ กลับหันมาเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาพยายามลดก๊าซเรือนกระจกอีก นี่ไม่เป็นธรรมเลย และหากการเจรจายังคงเป็นเช่นนี้ตลอดสัปดาห์นี้ นี่จะไม่ต่างกับการก่ออาชญากรรม" โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

 

(ข่าวแถลงฉบับเต็มดูไฟล์แนบครับ ไทย อังกฤษ)

ข่าวแถลง 7 ต.ค. 2552

ศาลประชาชนเอเชียตัดสินคดีโลกร้อน ว่าจี 8 มีมูลความผิดจริงและสมควรต้องจ่ายค่าชดเชย

 

จี 8 ต้องช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือวิกฤตโลกร้อนผ่านกองทุนปรับตัว (Adaptation Fund)

 

กรุงเทพ -- ตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ต้องช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือภาวะเรือนกระจกที่นับวันจะเพิ่มความวิกฤต อย่างตระหนักต่อสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ คณะผู้พิพากษาศาลประชาชนตัดสิน "คดีโลกร้อน" วานนี้ที่กรุงเทพฯ

          คำพิพากษาระบุว่าหลังจากได้พิจารณาหลักฐานและพยานที่นำเสนอในคดีพบว่าข้อกล่าวหาของโจทก์็คือ "เด็กในเอเชีย" ต่อกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จี 8 คดีก่อวิกฤตโลกร้อนจนเกิดความเสียหายต่อโจทก์นั้นมีมูลความจริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากมาตรฐานกฎหมายสากลและอนุสัญญาระดับโลกที่มีอยู่ และจำเลยนั้นควรต้องจ่ายค่าชดเชยต่อความเสียหายดังกล่าวที่ได้สร้างในอดีตที่ผ่านมา

          การพิจารณาคดีโลกร้อนของศาลประชาชนจัดขึ้นที่โรงแรมปริ้นซ์พาเลซเป็นระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงวานนี้ จัดขึ้นโดยโครงการรณรงค์ลดโลกร้อน tcktcktck (ซึ่งเป็นความร่วมมือขององค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลกเพื่อกดดันให้มีรูปธรรมการแก้ปัญหาโลกร้อนที่ชัดเจนและเท่าทันปัญหาในการเจรจาโคเปนเฮเกน) โดยมีหัวหน้าคณะผู้พิพากษาคือ นางอัมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

          "กลุ่มประเทศจี 8 ต้องจัดตั้งกองทุนปรับตัวรับมือโลกร้อนโดยให้มีความช่วยเหลือด้านการเงินมากเพียงพอที่จะช่วยประเทศยากจนปรับตัวรับมือกับปัญหาโลกร้อนได้" ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

          "จำเลยได้ดำเนินการและยังคงดำเนินการละเมิดสิทธิพื้นฐานในการมีชีวิตของโจทก์อย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายสิบฉบับ เช่นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (อนุสัญญาโลกร้อนยูเอ็น)" อัมรา หัวหน้าผู้พิพากษาศาลประชาชนกล่าว

          คำพิพากษาต่อประเทศจี 8 ประกาศในช่วงบ่ายวานนี้หลังจากการให้การของพยานนับสิบที่เข้าไปให้การในห้องพิจารณาคดี ในจำนวนนั้นสองคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ อีกส่วนสำคัญเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อนปัจจุบันจากประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ทั้งบังคลาเทศ ไทย เนปาล ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

          อัยการฝ่ายโจทก์ อันโตนิโอ โอโพซา ทนายคดีสิ่งแวดล้อมจากฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลแม็กไซไซปีนี้ (2552) ให้ความเห็นว่า เขาพอใจกับคำตัดสินที่ออกมาและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามการเจรจาโลกร้อนเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรมและมีผลทางกฎหมายระดับนานาชาติที่โคเปนเฮเกน

          "ศาลประชาชนเอเชียนี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิทางกฎหมายพื้นฐานที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากประเทศที่ก่อปัญหาโลกร้อนจนทำให้ตนเดือดร้อนได้ แม้ว่าการดำเนินการในกรุงเทพครั้งนี้เป็นเพียงการจำลองการพิจารณาคดีโลกร้อน(ที่ไม่มีผลทางกฎหมายจริง) แต่มีนัยสำคัญยิ่งที่จะบอกทุกคนว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำมาเสนอนั้นล้วนเป็นของจริง และมีมูลทางกฎหมายหากเป็นการดำเนินคดีจริง ก็จะเป็นข้อมูลที่มากพอที่จะบ่งชี้ความผิดและปรับได้จริง ทั้งนี้ทั้งหมดที่เราทำไปเพราะต้องการแสดงให้โลกได้เห็นเหตุและผลว่าทำไมเราจึงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศจี 8 ต้องยอมรับและดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกพร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวโลกร้อนฯ เพื่อบรรเทาวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเสียตั้งตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่เรายังคงพอจะบรรเทาวิกฤตปัญหาได้อยู่" โอโพซากล่าว

          การสอบพยานของการพิจารณาคดีวานนี้จากพยานชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนทำให้ผู้ร่วมรับฟังการพิจารณาคดีราว 150 คนในห้องกระจ่างชัดต่อผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะกว่า 200 ปีของประเทศอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ จี 8 ต่อคนในเอเชีย

          "พายุและอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วเอเชียตอนนี้ย้ำเตือนพวกเราถึงภัยคุกคามใหญ่ที่จะมาเยือนภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน วิกฤตโลกร้อนจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง และดังคำพิพากษาของศาลประชาชน กลุ่มประเทศจี 8 ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาก่อ เริ่มที่การเจรจาที่กรุงเทพนี้ ด้วยการวางเงินลงขันทำให้กองทุนเพื่อการปรับตัวฯ ใช้งานได้อย่างที่ควร" นาย Clement Kalonga โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

          "เริ่มด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากนั้นก็การลงขันในกองทุนฯ ซึ่งต้องการมากกว่า 1.5 แสนล้านต่อปีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกปรับตัวรับวิกฤตโลกร้อน ทั้งพายุ อุทกภัย ภัยแล้ง และหายนะภัยอื่น ๆ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

          "แต่สิ่งที่เป็นจริงตอนนี้คือ ประเทศร่ำรวยเหล่านี้นอกจากไม่ยอมรับพันธะกรณีใด ๆ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหายนะภัยที่ตัวเองก่อ กลับหันมาเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาพยายามลดก๊าซเรือนกระจกอีก นี่ไม่เป็นธรรมเลย และหากการเจรจายังคงเป็นเช่นนี้ตลอดสัปดาห์นี้ นี่จะไม่ต่างกับการก่ออาชญากรรม" โฆษกองค์กรอ็อกแฟมกล่าว

 

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการข่าว

 

การพิจารณาคดีของศาลประชาชนดำเนินการโดยแนวร่วมภาคประชาสังคมในเอเชียรวมถึง

§                     Global Coalition for Climate Action (GCCA)

§                     Asia Pacific People's Movement for Debt and Development (APMDD)

ร่วมด้วยองค์กรทั่วเอเชียกว่า 25-30 องค์กร ภายใต้การให้คำปรึกษาของคณะทำงานเพื่อโลกเย็นที่เป็นธรรม หรือ Thai Working Group on Climate Justice และเครือข่ายทนายภายใต้ lawyers' network Global Legal Action on Climate Change (GLACC) และ Aid for Development.

 

แถลงโดย

โครงการรณรงค์นานาชาติเพื่อปฏิบัติการลดโลกร้อน Global Action for Climate Action (GCCA) หรือโครงการ tcktcktck-asia   ที่ ห้องแถลงข่าว UNESCAP 12.30-13.00 น 7 ต.ค. 2552

 

 

---
 
 

News Release – 7 October 2009

 

Asian People's Climate Court finds legal grounds for reparation claims:

 

G8 must help poor countries cope with climate change, set up adaptation fund

 

 


 

Bangkok, THAILAND – Major greenhouse gas emitters must help poor countries cope with climate change while recognizing the human rights and gender aspects of climate change, a panel of judges ruled at the Asian People's Climate Court in Bangkok on Tuesday.

 

The verdict outlined that there is a legal basis for reparation claims on the basis of existing international legal standards and conventions – to make good for damage in developing countries resulting from climate impacts which are triggered by historic emissions from industrialized countries.

 

The Bangkok court room for this two-hour mock-hearing organized by the Tcktcktck campaign was filled to the last chair when presiding judge Amara Pongsapich, Chair of the Thai Human Rights Commission, ruled that G8 countries have to set up a global adaptation fund with sufficient finance for poor nations.

 

"Defendants have threatened and continue to threaten petitioners' right to life and the sources of life, thus committing planetary malpractice resulting in inter-generational damages," said judge Pongsapich. "They have broken about a dozen international agreements, for example by breaching their duty not to cause harm or their obligations under the UN Framework Convention on Climate Change."

 

The ruling against the G8 plaintiffs came after prosecution and defense had interviewed ten witnesses, among them two climate scientists and affected citizens such as Thai and Bangladeshi farmers, a Nepalese mountain climber, a Filipino fisherman and an Indonesian women's advocate.

 

The presidium of judges in this case of the children of Asia and the Pacific versus the G8 also instructed the plaintiffs to initiate a process of setting up an international tribunal on environmental crimes and appoint a special rapporteur on the human rights dimension of climate change. The court concluded, however, that "the duty to protect human rights is the obligation of every state".

 

Chief-Prosecutor Antonio Oposa, a leading environmental lawyer from The Philippines and recipient of the 2009 Ramon Magsaysay Award – the Asian equivalent of the Nobel prize – said he was satisfied with the verdict and urged the G8 countries to follow up on the ruling with agreeing to a fair, ambitious and binding climate treaty at the Copenhagen Summit this December.

 

"The Asian People's Climate Court is an experiment to show that there is a legal basis for developing countries to sue industrialized nations and demand reparation for damages resulting from climate change", said Oposa. "While our mock-trial has shown that the legal grounds exist, we would prefer to see rapid G8 action to reduce emissions and fund adaptation in vulnerable countries, rather than a string of future climate trials about compensation for damage that can still be avoided if we act today."

 

The testimonies by affected witnesses whose lives and livelihoods depend on effective action to tackle climate change as well as measures to adapt to unavoidable impacts had given the court and about 150 people in the audience a clear sense that emissions from industrialized countries over the past 200 years clearly show the culpability of G8 countries for global warming and hardships inflicted on Asia.

 

"The storms and floods across Asia these days remind us of the huge threats people in this region are facing already", said Oxfam climate change spokesperson Clement Kalonga. "Climate change will make things only worse, and as judges at the Asian People's Climate Court found that the G8 are responsible for the problem, we urge them to live up their responsibilities at the UN climate talks in Bangkok and put sufficient finance for adaptation in developing countries on the table.

 

"First and foremost though, developed countries have a responsibility to make much deeper cuts in emissions.  We also need a global climate regime that delivers more than $150bn per year in public finance – over and above existing aid commitments -- to help developing countries cope with floods, droughts, storms and disasters, and cut their future emissions growth," he said.  "But without having committed to anything themselves, rich countries keep pushing developing countries to act. That's not justice, and if they carry on this way this week's hearing shows it could become a crime."



Editor's Notes:

 

§                     The tribunal was organized by civil society groups throughout the region which comprise the Global Coalition for Climate Action (GCCA) and Asia Pacific People's Movement for Debt and Development (APMDD). It is supported by 25-30 organizations throughout South and East Asia, and especially assisted by the Thai Working Group on Climate Justice and the lawyers' network Global Legal Action on Climate Change (GLACC) and Aid for Development.

 

For more information, photos, footage and interview appointments, please contact:

Laurelle Keough on +66 86 530 8394 or laurellek@oxfam.org.au

Uamdao Noikorn on +66 81 855 3196 / unoikorn@oxfam.org.uk

Christian Teriete on +66 805 986 764 / cteriete@wwf.org.hk

 



Windows Live: Make it easier for your friends to see what you're up to on Facebook.

Windows Live: Keep your friends up to date with what you do online.


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
blog
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.ksmecare.com/docSeminar/520902031848987.pdf
http://www-01.ibm.com/software/th/events/lotusliveevent/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm